ม.หอการค้าฟันธงรัฐกระตุ้นไม่ช่วย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ก.ย.62 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.62 อยู่ที่ระดับ 72.2 ลดจาก 73.6 ในเดือน ส.ค.62 ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน สาเหตุมาจากผู้บริโภคกังวลเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก และเศรษฐกิจของไทยให้ชะลอตัว โดยคาดว่าการส่งออกไทยปีนี้จะติดลบ 1-2% รวมทั้งปัญหาบาทแข็งค่า ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงนับแสนคน รวมทั้งกังวลประเด็นสหราชอาณาจักรขอถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต)
นอกจากนี้ ยังกังวลต่อราคาพืชผลทางการเกษตรที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าว ทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดลดลง แม้รัฐบาลจะมีมาตรการประกันรายได้ แต่ก็เป็นเพียงการประคองไม่ให้ราคาตกต่ำลงเท่านั้น อีกทั้ง ยังกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง โดยดัชนีความเชื่อมั่นด้านการเมืองต่ำสุดในรอบ 5 ปี เพราะขณะนี้รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งอาจจะส่งผลให้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ตกไปได้ นอกจากนั้น แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 310,000 ล้านบาท ทั้งการโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย มาตรการชิม ช้อป ใช้ การปล่อย สินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ประกันรายได้สินค้าเกษตร แต่ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ทำให้ในไตรมาส 3 ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย รัฐบาลจึงควรดำเนินนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง
“ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงเกิดจากความรู้สึกของประชาชนที่เห็นว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ และอาจหนักกว่านี้ จนอาจลามไปเป็นวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่ครั้งนี้ปัญหากลับกันผู้มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่เห็นผลในไตรมาส 4 กังวลว่าเศรษฐกิจจะซบเซายาวไปจนถึงปีหน้า ประกอบกับหากเบร็กซิตเป็นแบบไร้ข้อตกลง ธนาคารกลางสหรัฐฯใช้มาตรการทางการเงินที่เข้มมากขึ้น เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจขยายตัวเพียง 2.6-2.8%”.