ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 21,095 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 1.67% ขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นับจากเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้น 13.99% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 660,641 ล้านบาท ลดลง 3.06% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 110 ล้านเหรียญฯ แต่เมื่อคิดเป็นเงินบาทขาดดุล 5,704 ล้านบาท เมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำออก มูลค่าส่งออกเดือน ก.ค.ก็ยังขยายตัวได้ 1.6%

“7 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกมีมูลค่า 144,175 ล้านเหรียญฯ ลดลง 1.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4.536 ล้านล้านบาท ลดลง 2.43% การนำเข้ามีมูลค่า 140,122 ล้านเหรียญฯ ลดลง 1.81% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4.472 ล้านล้านบาท ลดลง 2.24% เกินดุลการค้า 4,054 ล้านเหรียญฯ หรือ 63,363 ล้านบาท”

สำหรับสาเหตุที่การส่งออกเดือนก.ค. กลับมาขยายตัว เพราะมีการส่งออกทองคำสูงถึง 406% หลังจากราคาตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน เริ่มนิ่ง สินค้าไทยส่งออกไปจีนและสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นบวกได้ทั้ง 2 ตลาด โดยสหรัฐฯ เพิ่ม 9.8% จีนเพิ่ม 6.2% และจากการส่งออกผลไม้เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงมีสินค้าดาวรุ่ง ทั้งเครื่องสำอาง เกษตรแปรรูป ผลไม้ ขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น มั่นใจว่า มูลค่าส่งออกปีนี้จะขยายตัวเป็นบวก โดยถ้าขยายตัวเป็น 0% ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะต้องทำให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 21,756 ล้านเหรียญฯ ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ทำได้ แต่ถ้าทำได้มากกว่านี้ จะขยายตัวเป็นบวกได้แน่นอน แม้มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม 3 ประเด็นใหญ่ คือ สงครามการค้าที่ยังไม่แน่นอนว่า จะขยายความขัดแย้งไปประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากจีนอีกหรือไม่ โดยเฉพาะยุโรป, ราคาน้ำมัน และค่าเงินบาท

“การส่งออกเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น 1.4% เช่น ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูปเพิ่ม 26.1% ไก่สด แช่แข็งและแปรรูปเพิ่ม 8.7% กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูปเพิ่ม 7.3% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม 6% เช่น ทองคำเพิ่ม 406.9% เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เพิ่ม 17% เครื่องปรับอากาศ เพิ่ม 4.2% ขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญ พบว่า สหรัฐฯ กลับมาบวกได้ 9.8% ญี่ปุ่นเพิ่ม 8% สูงสุดในรอบ 9 เดือน สหภาพยุโรป (15 ประเทศ) ลด 2.4% จีนเพิ่ม 6.2% ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เอเชียใต้ เพิ่ม 1.1% ตะวันออกกลาง กลับมาเพิ่ม 5% สูงสุดในรอบ 16 เดือน”.